top of page

รีวิวการบริจาคเลือดในญี่ปุ่น

เราอยู่ที่ญี่ปุ่นมาเกือบเข้าปีที่ 6 แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้บริจาคเลือด



ตอนปี 2015 เราเคยมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจ.ยามากุจิ ตอนนั้นมีรถรับบริจาคเลือดมารับบริจาคเลือดที่มหาวิทยาลัย เราอยากลองเลยเข้าไปสอบถาม ปรากกว่าเค้าไม่รับบริจาค เพราะเห็นว่าเราเพิ่งมาจากประเทศไทยได้ไม่ถึงปี (ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของประเทศที่ญี่ปุ่นจะไม่รับบริจาคเลือด) แล้วตอนนั้นเราผอมกว่านี้ พนักงานเค้าเลยคิดว่าเราน้ำหนักไม่ถึง 50 กิโลนี่ก็เถียงขาดใจว่าเกินจ้าา ก็เถียงๆๆ กัน สรุปพนักงานให้ลองชั่วดู ผ่ามพาม 53 กิโลโชว์หราต่อหน้าประชาชี พนักงานเลยยิ้มเจื่อนตอบ55555


แต่พอไปหาคุณหมอ เค้าก็บอกว่าไม่รับบริจาคอยู่ดี เพราะก่อนบริจาคต้องมีให้เราตอบคำถามเดี่ยวกับเรื่องยาละโรค ซึ่งเค้าคิดว่าเราไม่สามารถเข้าใจเค้าได้แบบ 100% เลยให้ขนมเรากลับมาเป็นของปลอบใจแทน


จากวันนั้นผ่านมาแล้ว 9 ปี เราตัวใหญ่มหึมาจนพนักงานรับบริจาคไม่สงสัยแล้วว่าน้ำหนักเกิน 50 กิโลมั้ย 555555

แถมยังอยู่ญี่ปุ่นมานานหลายปี มาวันนี้เลยบริจาคเลือดได้ค่ะ


เราไม่เคยบริจาคเลือดที่ไทยเหมือนกัน เพราะสมัยนั้นกินวิตามินไปเรื่อย+นอนน้อยเลยไม่กล้าบริจาค ก็เลยไม่รู้ว่าระบบที่ไทยเป็นยังไง


แต่ของที่ญี่ปุ่นคือก่อนบริจาคเราต้องลงทะเบียนเพื่อสมัครสมาชิกก่อน กรอกประวัติ และตอบคำถามต่างๆ เช่น เรื่องการใช้ยา การตั้งครรภ์ โรคติดต่อทางเลือด ฯลฯ พนักงานก็มีอธิบายให้ฟังว่าหลังจากบริจาคแล้ว 2 - 3 วันจะมีข้อความหรืออีเมลผลตรวจเลือดไปให้ และเราต้องรับทราบว่าการบริจาคเลือดนี้ไม่ได้ทำเพื่อตรวจโรคติดต่อทางเลือด


ถ้าเราเพิ่งมาบริจาคเลือดครั้งแรกแบบแอดมินก็จะได้บัตรคล้องคอว่าบริจาคครั้งแรก ต่อมาเราต้องขึ้นไปบนรถบริจาค ข้างในจะมี 2 เคาน์เตอร์เล็กๆ และเป็นเหมือนบาร์ยาวๆ อีก 1 บาร์ เราต้องพูดคุยกับหมอก่อน หมอก็จะถามว่ามาเคยบริจาครึยัง มีโรคอะไรมั้ย กินข้าวล่าสุดกี่โมง เมื่อคืนนอนกี่ชั่วโมง แล้วก็วัดความดัน


ต่อมาเราจะถูกส่งต่อมาที่เคาน์เตอร์พยาบาล พยาบาลจะถามเราว่าเคยเจาะเลือดแล้วมีอาการแปลกๆ เช่น วิงเวียนหรือเป็นลมบ้างมั้ย กลัวเข็มรึเปล่า ปกติเจาะเลือดที่แขนข้างไหน อยากบริจาคเลือดกี่มล รู้กรุ๊ปเลือดตัวเองรึยัง เรากรุ๊ปเลือด A ก็บอกเค้าไป แล้วเค้าก็เอาเข็มเล็กๆ มาจิ้มที่นิ้ว แล้วใช้หลอดเล็กๆ เก็บเลือด จากนั้นก็นำเลือดไปหยดเพื่อตรวจสอบกรุ๊ปเลือด พอตรวจสอบว่าเป็น A จริงก็ส่งเราไปตรงเคาน์เตอร์ยาวๆ ต่อ



พอรู้ว่าปกติเราเจาะเลือดแขนซ้าย เค้าจะพาเรามาที่นั่งที่วางพาดแขนซ้ายได้ จากนั้นก็ส่งกระดาษให้เราอ่าน ในนั้นก็จะมีพวกท่ากายบริหารขาระหว่างให้เลือด แล้วก็ผลที่อาจตามมาจากการบริจาคเลือด รอยช้ำที่จะขึ้นตรงบริเวณที่สอดเข็ม แล้วตรงนั้นคือพยาบาลดุมากแม่ ถาทจี้เหมือนครู เค้าถามว่าเข้าใจหมดมั้ย แอดมินก็ตอบว่าพอเข้าใจ พยาบาลสวนกลับทันทีว่าไม่ได้ !! แค่พอเข้าใจมันไม่ได้ !! ไปอ่านใหม่ !! คันจิตัวไหนไม่ออกถามมาเดี๋ยวนี้ !! เราเลยแบบเอ้า อ่านซ้ำอีกรอบ ก็ไม่รู้จะถามอะไร สุดท้ายเค้าเลยทดสอบ ไหนทำท่าบริหารขาซิ เราก็ทำ ระหว่างนั้นก็มีเข็มด้ามเบ้อเร้อแทงเข้ามาที่เส้นเลือดแขนซ้ายดังจึ้ก! พร้อมกับพยาบาลที่ยื่นถุงร้อนมาให้บีบที่มือซ้าย แล้วก็บอกให้เราโหลดแอพบริจาคเลือด จากนั้นก็เอาน้ำมาให้เลือกว่าจะดื่มชาหรือน้ำส้ม คือทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันพัลวันไปหมดด ปวดหัว5555


สุดท้ายพอบริจาคเสร็จเค้าก็พันแขนให้ แล้วบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงให้แกะออก แล้วและพลาสเตอร์เพื่อหยุดเลือดแทน แล้วก็ยื่นของสมนาคุณให้อีกมากมาย เราได้มาทั้งน้ำชา น้ำยาล้างจาน ทิชชู่เปียก และโซบะ



หลังจากนั้น 2 วันผลเลือดก็ออก เราสามารถเช็คได้ในเว็บ และสามารถเลือกจองบริจาคเลือดรอบต่อไปได้เลย(หลังจากบริจาค 3 เดือน) ผลคือไขมันในเลือดเราสูงปรี๊ดเลยค่ะ แอแงงง ลาก่อนของมันของทอดที่รัก และนี่คือใบบริจาคเลือดเขียนไว้ว่าบริจาคได้ครั้งหน้าคือเมื่อไรค่ะป


สุดท้ายนี้อยากชวนทุกคนมาบริจาคเลือดค่ะ ถ้าร่างกายแข็งแรง ไม่มีปัญหาอะไร แนะนำให้บริจาคนะคะ เลือดของเราจะถูกนำไปช่วยเหลือชีวิตผู้คนได้อีกมากมาย และแอดมินสัญญาเลยว่าจะรักษาสุขภาพให้ดี จะพยายามลดไขมันในเลือดให้ได้ เพราะอนาคตอยากบริจาคเลือดแบบนี้อีกค่ะ

16 views0 comments

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page